รถแต่ละประเภทสามารถส่งของอะไรได้บ้าง?

ส่งของ

คุณเคยสังเกตไหมว่ารถส่งของ หรือส่งพัสดุในปัจจุบันนี้ถึงมีหลายไซต์หลายขนาดวิ่งอยู่บนท้องถนนทั้ง ๆ ที่เป็นบริษัทเดียวกันแต่มีรถหลายแบบที่ทำการส่งสินค้าหรือพัสดุในแต่ละวัน ยิ่งเป็นเมืองใหญ่ในกรุงเทพฯ จะพบได้ถึงความแตกต่างเหล่านี้ หากคุณสงสัยแล้วละก็ วันนี้เราจะมาเปิดเผยประเภทรถส่งของแต่ละชนิดสามารถส่งสินค้า หรือพัสดุอะไรได้บ้าง หากคุณต้องใช้บริการขนส่งแล้วละก็ คุณจะสามารถเลือกบริการได้ตรงกับความต้องการของคุณ

รถส่งของแต่ละประเภท ส่งสินค้าแบบไหน ชนิดไหนได้บ้าง

รถมอเตอร์ไซค์

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ คือรถที่ให้บริการส่งของขนาดเล็ก หรือเอกสารทั่วไปที่สามารถเก็บไว้ได้ในกระเป๋าท้ายรถ โดยข้อดีของการจ้างรถส่งของชนิดนี้คือความรวดเร็วในการขนส่ง ซึ่งสามารถเข้าไปยังทุกซอกซอยได้อย่างง่ายดายแม้ในเวลารถติด มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะที่สามารถผ่านไปได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว

รถเก๋ง หรือรถอีโคคาร์

สำหรับรถอีโคคาร์นั้นเป็นรถที่สามารถส่งของได้อย่างรวดเร็วรองลงมาจากรถจักรยานยนต์ โดยรถชนิดนี้มีให้ผู้จ้างเลือกใช้บริการกันทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ  รถเก๋ง 4 ประตู และรถเก๋ง 5 ประตู สามารถบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนักไม่เกิน 100 กิโลกรัม และขนาดความยาวอยู่ที่ 100 – 160 เซนติเมตร และความกว้างไม่เกิน 90-130 เซนติเมตร โดยข้อดีของรถชนิดนี้คือจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ไม่เกิดการกระแทก หรือเสียหายในระหว่างขนส่งซึ่งเหมาะกับสินค้าที่มีความละเอียดอย่างเช่น ดอกไม้ ลูกโป่ง กล่องของขวัญ ขนม เค้กที่มีหลายชั้น เป็นต้น

กระบะปิคอัพ

สำหรับกระบะปิคอัพแบบทั่วไปนั้น จะไว้ใช้สำหรับการส่งเครื่องมือ หรือพัสดุที่มีขนาดใหญ่ที่รถธรรมดาทั่วไปไม่สามารถส่งได้ อย่างเช่น ที่นอน เตียง ตู้เสื้อผ้า รถจักรยานยนต์ หรือจะเป็นวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ก็สามารถขนส่งกับรถชนิดนี้ได้ รถปิคอัพนั่นสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด 1,000 กิโลกรัม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจหากคุณต้องการส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ไปกับรถปิคอัพ

รถกระบะตู้ทึบ

รถชนิดนี้นิยมนำใช้ส่งของประเภทพัสดุไปรษณีย์ หรือสินค้าทางการเกษตรอย่างเช่น ส้ม ทุเรียน เงาะ ฯลฯ เพราะมันสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว และยังได้รับการปกป้องจากลมและฝนจึงนิยมนำรถชนิดนี้มาทำการขนส่งกันในปัจจุบัน โดยน้ำหนักที่ตัวรถสามารถบรรทุกได้อยู่ที่ 1,500 กิโลกรัม เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามการเลือกรถส่งของที่ตรงกับความต้องการของผู้ส่ง และเหมาะสมกับสินค้าที่จะส่งนั้น จะสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้ส่ง และยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการจะส่งของไม่ว่าชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ก็ควรจะพิจารณาขนาดและชนิดของรถให้ดี เพื่อที่คุณจะได้ส่งสินค้าได้ตรงกับความต้องการของคุณนั่นเอง